เปิดโลกการลงทุน ตอนที่ 1

ท่ามกลางสภาวะดอกเบี้ยเงินฝากที่ถูกแสนถูก ต่ำแสนต่ำ เชื่อได้เลยว่าทุกท่านน่าจะรู้กันดีว่า ‘การฝากเงินในธนาคาร ไม่สามารถตอบโจทย์เป้าหมายทางการเงิน เช่น เกษียณอายุ หรือส่งลูกจนเรียนจบ ป.ตรี หรือ ป.โท ตามที่ตั้งใจไว้แน่ๆ’ ใช่มั้ยคะ

อย่างไรก็ตาม ทั้งๆ ที่รู้ว่า ‘การฝากเงินธนาคาร’ ไม่ตอบโจทย์ แต่หลายต่อหลายท่าน ก็ยังไม่รู้ว่า จะต้องเอาเงินไปทำอะไร ให้มันงอกเงย ออกดอกออกผล หลายคนก็บอกว่า ต้องเอาเงินไป ‘ลงทุน’ ก็ได้แต่คิดในใจว่า ‘ก็รู้แหละ ว่าต้องเอาเงินไปลงทุน  ว่าแต่ เจ้าการลงทุน มันคืออะไร เหมือนการฝากธนาคารมั้ย และหากอยากลงทุน ต้องทำอย่างไร’

นิเชื่อว่าหลายท่านคงมีคำถามข้างต้นในใจ วันนี้นิก็เลยจะมาเปิดโลกการลงทุนให้ทุกท่านได้ทราบกันค่ะ

            ก่อนอื่นเรามาทำความรู้จักกันก่อนว่า ‘การลงทุน คืออะไร’

            การลงทุน คือ การนำเงินที่สะสมไว้ไปสร้างผลตอบแทนให้ได้มากกว่าการออมปัจจุบัน ซึ่งเราคาดหวังว่าผลตอบแทนที่ได้จากการลงทุนจะสามารถชดเชยระยะเวลา เงินเฟ้อ และความเสี่ยงจากการลงทุนได้ หรือว่าง่ายๆ ก็คือ การทำให้เงินออมงอกเงยมากยิ่งขึ้น โดยเราต้องยอมรับความเสี่ยงที่สูงมากขึ้นตามไปด้วยเช่นกัน

            เมื่อพูดถึงการลงทุน คำ 2 คำที่จะมาพร้อมกับการลงทุน คือ ความเสี่ยงและผลตอบแทน

            ความเสี่ยงคืออะไร? ความเสี่ยงก็คือ โอกาสที่เราจะไม่ได้ผลตอบแทนอย่างที่คาด หรือกรณีเลวร้ายที่สุด นอกจากจะไม่ได้ผลตอบแทนอย่างที่คาดแล้ว คุณอาจจะมีโอกาสขาดทุนและสูญเสียเงินต้นก็เป็นได้ ดังที่เราน่าจะเคยได้ยินคำเตือนที่ว่า ‘การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรพิจารณาให้รอบคอบ ก่อนการตัดสินใจลงทุน’

            ดังนั้น ก่อนที่เราจะตัดสินใจลงทุน เราจึงต้องมีความรู้ในการลงทุนก่อนค่ะ แล้วทราบหรือไม่คะว่า การลงทุนแบ่งเป็นกี่ประเภท คำตอบคือ การลงทุนแบ่งเป็น 2 ประเภทใหญ่ๆ ได้แก่

การลงทุนทางตรง ได้แก่ การลงทุนทำธุรกิจ และการลงทุนใน  Real Assets หรือ สินทรัพย์ที่จับต้องได้ เช่น อสังหาริมทรัพย์ ที่ดิน ทองคำ ของสะสม และเครื่องประดับ เป็นต้น

การลงทุนทางอ้อม ได้แก่ การลงทุนในสินทรัพย์ทางการเงินต่างๆ ซึ่งยังแบ่งเป็น

โดยในตอนต่อไป นิจะมาเล่าให้ฟังต่อถึงข้อดีและข้อจำกัดของการลงทุนแต่ละประเภท โปรดติดตามค่ะ

 

ผู้เขียน โค้ชนิ นิภาพันธ์ พูนเสถียรทรัพย์ CFP®, PCC

Wealth Inspirer