รู้หรือไม่ว่าเคล็ดลับของความร่ำรวยของเหล่ามหาเศรษฐีทั้งหลายคืออะไร
คำตอบคือ…
“คนรวยให้เงินทำงานหนักเพื่อตัวเอง คนจนและคนชั้นกลางทำงานหนักเพื่อให้ได้เงิน”
ถ้าคุณเป็นเหมือนคนส่วนใหญ่ คุณคงเติบโตขึ้นมาโดยถูกสั่งสอนให้ “ต้องทำงานหนักเพื่อหาเงิน” ในทางตรงกันข้าม เป็นไปได้มากทีเดียวว่าคุณคงไม่เคยถูกสอนว่า “การใช้เงินทำงานหนัก” ให้คุณก็สำคัญไม่แพ้กัน
คนรวยมีเวลาเล่นสนุกสนานและพักผ่อน เพราะพวกเขาทำงานอย่างชาญฉลาด พวกเขาเข้าใจและนำหลักการเพิ่มค่าของเงินมาใช้ให้เกิดประโยชน์ พวกเขาจ้างคนมาทำงานและยังใช้เงินของตนทำงานแทนด้วย
คนรวยเข้าใจว่า “คุณ” ต้องทำงานหนัก จนกระทั่ง “เงิน” ของคุณสามารถทำงานหนักให้คุณได้ และตัวคุณเองก็ไม่จำเป็นต้องทำงานอีกต่อไป พวกเขาเข้าใจว่า ยิ่งเงินของคุณทำงานหนักเท่าไหร่ ตัวคุณก็จะได้ทำงานน้อยลงเท่านั้น
ขอย้ำอีกครั้งว่า ก่อนอื่นคุณต้องทำงานหนักเพื่อหาเงิน แล้วจึงให้เงินทำงานหนักเพื่อตัวคุณเองบ้าง
การทำงานหนักเพื่อหาเงิน เงินที่คุณได้มาเราจะเรียกว่า รายได้จากการทำงาน หรือ Active income ค่ะ ในขณะที่การให้เงินทำงานหนักเพื่อตัวคุณเอง รายได้ที่คุณได้จากการที่เงินทำงานอย่างหนักให้กับคุณนั้น เราจะเรียกว่า รายได้จากสินทรัพย์ หรือ Passive income
เชื่อว่าหนึ่งในเป้าหมายหลักของหลายๆ คน คือ การมีอิสรภาพทางการเงิน หรือ Financial freedom แล้วรู้หรือไม่ว่าความหมายของอิสรภาพทางการเงินคืออะไร
อิสรภาพทางการเงินในนิยามของนิ คือ การได้ใช้ชีวิตที่ปรารถนา โดยปราศจากข้อจำกัดทางการเงิน ซึ่งคุณจะสามารถดำเนินชีวิตในรูปแบบที่คุณต้องการโดยไม่จำเป็นต้องทำงาน หรือพึ่งพาคนอื่นในเรื่องเงิน คุณจะมีอิสรภาพทางการเงินได้ก็ต่อเมื่อ รายได้จากสินทรัพย์ หรือเจ้า Passive income ของคุณมีจำนวนมากกว่ารายจ่ายทั้งหมดของคุณ
แหล่งที่มาของรายได้จากสินทรัพย์ประเภทแรกคือ “เงินสร้างเงิน” ได้แก่ รายได้จากการลงทุน เช่น หุ้น พันธบัตร ตั๋วเงินคงคลัง ตลาดเงิน กองทุนรวม รวมไปถึงทรัพย์สินอื่นๆ ที่ถือว่ามีค่าและแลกเปลี่ยนเป็นเงินสดได้
แหล่งที่มาของรายได้จากสินทรัพย์ประเภทถัดมาคือ “ธุรกิจสร้างเงิน” หรือธุรกิจซึ่งนำมาซึ่งรายได้ต่อเนื่องโดยคุณไม่จำเป็นต้องเข้าไปเกี่ยวข้อง เพื่อให้ธุรกิจนั้นสามารถดำเนินการหรือสร้างรายได้ ตัวอย่างเช่น การให้เช่าอสังหาริมทรัพย์ ค่าลิขสิทธิ์หนังสือ ดนตรี หรือซอฟท์แวร์ การขายแฟรนไชส์ การให้เช่าโกดังเก็บสินค้า การทำธุรกิจแบบเครือข่าย การลงทุนกับเครื่องขายของหรือหยอดเหรียญต่างๆ เป็นต้น หลักการคร่าวๆ คือ การให้ธุรกิจทำงานแทนคุณและสร้างรายได้ด้วยตัวของมันเอง
การมีรายได้จากสินทรัพย์เพื่อให้เงินทำงานอย่างหนักเป็นเรื่องสำคัญมากจริงๆ ค่ะ เพราะถ้าคุณไม่มีรายได้จากสินทรัพย์เลย คุณย่อมไม่มีทางมีอิสรภาพทางการเงินอย่างแน่นอน (และผลที่ตามมาคือ คุณก็จะไม่มีทางมีอิสรภาพทางเวลาได้เลยเช่นกัน)
แต่คุณทราบไหมคะว่า คนส่วนใหญ่มีปัญหากับการสร้างรายได้จากสินทรัพย์เป็นอย่างมาก เหตุผลมีสามประการค่ะ
ข้อแรกคือการถูกปลูกฝังตั้งแต่ในวัยเด็ก พวกเราส่วนใหญ่ไม่ได้ถูกโปรแกรมมาให้รู้จักการสร้างรายได้จากสินทรัพย์เลย
ข้อสอง ไม่มีใครเคยสอนเราว่าจะสร้างรายได้จากสินทรัพย์ได้อย่างไร และ
ข้อสุดท้าย ในเมื่อเราไม่เคยถูกสอนเรื่องการสร้างรายได้จากสินทรัพย์เลย เราจึงไม่ให้ความสนใจกับมัน เรามีรายได้จากการประกอบอาชีพและทำธุรกิจเป็นหลัก แต่ถ้าคุณเข้าใจตั้งแต่ในวัยเด็กว่าจุดมุ่งหมายหลักทางการเงินของเรา คือการสร้างรายได้จากสินทรัพย์ คุณอาจคิดทบทวนก่อนตัดสินใจเลือกอาชีพก็เป็นได้
ถึงตอนนี้คุณมี 3 วิธีให้เลือกในการสร้างความร่ำรวย นั่นคือ การเพิ่มรายได้ การลดค่าใช้จ่าย และการทำให้เงินออมของคุณงอกเงย ง่ายเท่านี้เองค่ะ คุณมีอำนาจในการตัดสินใจเลือก อะไรที่สำคัญที่สุดสำหรับคุณกันแน่คะ คนจนมักเลือกความสุขชั่วครู่ชั่วยาม ขณะที่คนรวยเลือกความสมดุล และเลือกที่จะมีอิสรภาพในการใช้ชีวิตอย่างแท้จริงค่ะ
บ่อยครั้งที่ “การใช้เงิน” ทั้งๆ ที่ “ไม่มี” เป็นเพียงแค่ “การระบาย” อารมณ์ที่คุณมี อาการนี้เป็นที่รู้จักกันทั่วไปว่าเป็นการบำบัดด้วยการซื้อ และเมื่อคุณใช้จ่ายไปอย่างไม่บันยะบันยัง คุณก็จะไม่มีเงินออมเหลือ เมื่อคุณไม่เหลือเงินออม แล้วคุณจะเอาเงินที่ไหนไปลงทุนสร้างสินทรัพย์ เพื่อให้เกิดรายได้จากสินทรัพย์กันเล่า ถ้าคุณตระหนักได้อย่างแท้จริงว่าการมีรายได้จากสินทรัพย์สำคัญขนาดไหน (ย้ำแล้ว ย้ำอีกว่ารายได้จากสินทรัพย์สำคัญมาก) นิการันตีได้เลยว่าครั้งหน้าก่อนที่คุณจะรูดปื๊ด รูดปื๊ดเพื่อซื้อของอะไรสักอย่าง คุณจะต้องสะดุดคิดแล้วล่ะค่ะว่า ของที่คุณจะซื้อนั้น เป็นของที่จำเป็นจริงๆ หรือเป็นแค่ของฟุ่มเฟือย อย่าลืมนะคะ เพื่อเป้าหมาย ‘สู่อิสรภาพทางการเงิน’ คิดก่อนซื้อทุกครั้งคร่า
เคล็ดลับของการสร้างรายได้จากสินทรัพย์ คือการศึกษาค้นคว้า การเรียนรู้เรื่องการลงทุน หัดทำความคุ้นเคยกับวิธีลงทุนและเครื่องมือทางการเงินต่างๆ เช่น อสังหาริมทรัพย์ หุ้น กองทุนรวม พันธบัตร การแลกเปลี่ยนเงินตรา เป็นต้น จากนั้นฝึกปรือความสามารถด้านใดด้านหนึ่งให้เชี่ยวชาญเป็นพิเศษ เริ่มต้นลงทุนในด้านนั้นแล้วค่อยหัดลงทุนในด้านอื่นๆ ต่อไป
บทสรุป คนจนทำงานหนักและใช้เงินทั้งหมดที่หามาได้ พวกเขาจึงต้องทำงานหนักตลอดไป ส่วนคนรวยทำงานหนัก สะสมเงิน และนำเงินไปลงทุนเพื่อสร้างรายได้จากสินทรัพย์ พวกเขาจึงไม่จำเป็นต้องทำงานหนักอีกต่อไป แล้วคุณล่ะคะ คุณได้ตัดสินใจที่จะเป็นคนรวยแล้วหรือยัง??
ผู้เขียน โค้ชนิ นิภาพันธ์ พูนเสถียรทรัพย์ CFP®, PCC
Wealth Inspirer